เมนู

5. ตมสูตร


ว่าด้วยบุคคลในโลก 4 จำพวก


[85] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล 4 จำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลก
บุคคล 4 จำพวกคือใคร คือ
ตโม ตมปรายโน บุคคลมืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า
ตโม โชติปรายโน บุคคลมืดมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า
โชติ ตมปรายโน บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า
โชติ โชติปรายโน บุคคลสว่างมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้า
ก็บุคคลมืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้าเป็นไฉน ? บุคคลบางคนใน
โลกนี้ เกิดในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาลก็ดี ตระกูลช่างสานก็ดี ตระกูล
พรานก็ดี ตระกูลช่างหนังก็ดี ตระกูลคนรับจ้างเทขยะก็ดี ทั้งยากจนขัดสน
ข้าวน้ำของกิน เป็นอยู่อย่างแร้นแค้น หาอาหารและเครื่องนุ่งห่มได้โดย
ฝืดเคือง ซ้ำเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ เตี้ยแคระ มากไปด้วยโรค ตาบอดบ้าง
เป็นง่อยบ้าง กระจอกบ้าง เปลี้ยบ้าง ไม่ใคร่ได้ ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน
ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และเครื่องประทีป บุคคลนั้น
ยังประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ
แล้ว กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อย่างนี้แล บุคคล
มืดมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

บุคคลมืดแล้ว มีสว่างไปภายหน้าเป็นไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้
เกิดในตระกูลต่ำ คือตระกูลจัณฑาลก็ดี ฯลฯ ที่นอน ที่อยู่ และเครื่องประทีป
บุคคลนั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา

ใจแล้ว กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อย่างนี้แล บุคคลมืดมา
แล้ว มีสว่างไปภายหน้า

บุคคลสว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้าเป็นไฉน ? บุคคลบางคนใน
โลกนี้เกิดในตระกูลสูง คือตระกูลกษัตริยมหาสาลก็ดี ตระกูลพราหมณมหาสาล
ก็ดี ตระกูลคฤหบดีมหาสาลก็ดี มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเงินทอง
มีข้าวของเครื่องใช้ มีทรัพย์ธัญชาติเป็นอันมาก ทั้งมีรูปร่างสะสวยเจริญตา
เจริญใจ ประกอบด้วยผิวพรรณงดงามยิ่งนัก เป็นผู้มีปกติได้ข้าวน้ำ ผ้า ยวดยาน
ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และเครื่องประทีป บุคคลนั้น
ประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว
กายแตกตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก อย่างนี้แล บุคคล
สว่างมาแล้ว มีมืดไปภายหน้า

บุคคลสว่างมาแล้ว มีสว่างไปภายหน้าเป็นไฉน ? บุคคลบางคนใน
โลกนี้เกิดในตระกูลสูง คือตระกูลกษัตริยมหาสาล ฯลฯ บุคคลนั้นประพฤติ
สุจริตด้วยกาย วาจา ใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจแล้ว กาย
แตกตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อย่างนี้แล บุคคลสว่างมาแล้วมีสว่าง
ไปภายหน้า

ภิกษุทั้งหลาย บุคคล 4 จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
จบตมสูตรที่ 5

อรรถกถาตมสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในตมสูตรที่ 5 ดังต่อไปนี้ :-
บุคคลผู้ประกอบด้วยความมืดมีคำเป็นต้นว่า นีจกุเล ปจฺจาชาโต
เกิดในตระกูลต่ำ ดังนี้ ชื่อว่าตมะ มืดมา. บุคคลชื่อว่ามีมืดไปภายหน้า เพราะ
เข้าถึงความมืดคือนรกอีก ด้วยกายทุจริตเป็นต้น แม้ด้วยบททั้งสองดังกล่าว
เป็นอันตรัสถึงความมืดแห่งขันธ์เท่านั้น. บุคคลชื่อสว่างมา เพราะประกอบ
ด้วยความสว่างมีคำเป็นต้นว่า อฑฺฒกุเล ปจฺจาชาโต (เกิดในตระกูลมั่งคั่ง)
ท่านอธิบายว่า เป็นผู้สว่างไสวดังนี้. บุคคลชื่อว่ามีสว่างไปภายหน้า เพราะ
เข้าถึงความสว่างด้วยการเข้าถึงสวรรค์อีก ด้วยกายสุจริตเป็นต้น พึงทราบ
สองบทแม้นอกนี้ โดยนัยนี้.
บทว่า เวนกุเล ได้แก่ ในตระกูลช่างสาน. บทว่า เนสาทกุเล
ได้แก่ในตระกูลพรานล่าเนื้อเป็นต้น . บทว่า รถการกุเล ได้แก่ ในตระกูล
ช่างหนัง. บทว่า ปุกฺกุสกุเล ได้แก่ ในตระกูลคนรับจ้างเทขยะ. พระผู้มี
พระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงตระกูลวิบัติ ด้วยเหตุประมาณเท่านี้แล้ว เพราะ
เหตุที่บุคคลบางคนถึงจะเกิดในตระกูลคนรับจ้างเทขยะ ก็มั่งคั่งมีทรัพย์มากได้
แต่บุคคลผู้นี้หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ฉะนั้น บัดนี้ เพื่อทรงแสดงโภควิบัติของ
บุคคลนั้น จึงตรัสว่า ทลิทฺเท เป็นต้น. ในบทเหล่านั้น บทว่า ทลิทฺเท
ได้แก่ ประกอบด้วยความจน มีข้าวน้ำและของกินน้อย. บทว่า กสิรวุตฺติเก
ได้แก่ เป็นอยู่ด้วยความทุกข์. อธิบายว่า ให้เขาถึงตระกูลที่คนทั้งหลายให้เขา
ยินดีด้วยความพยาม. บทว่า ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติ ความว่า
เขาได้ข้าวต้มข้าวสวยและอาหาร หรือเครื่องนุ่งห่มพอปิดอวัยวะ ด้วยความ
ลำบากในตระกูลใด.